มาทำความรู้จักกับ ISO 9001:2008 กัน
ISO9001 มีที่มาจาก องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน(International Organization for Standardization:ISO)
เป็นองค์กรอิสระ(Non–govermential Organization) จัดตั้งขึ้นในปี คศ.1947 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีสมาชิกกว่า 130 ประเทศทั่วโลก มีพันธกิจ (Mission) ในการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามาตรฐานงานต่างๆ และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ และพัฒนาความร่วมมือในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและเศรษฐกิจ อย่างครบวงจร
องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standardization) มีชื่อเรียกสั้น ๆว่า ISO เป็นภาษากรีก ซึ่งมีความหมายว่า “เท่าเทียมกัน” ดังเช่น “ ISOMETRIC” ซึ่งมีความหมายว่า “วัดได้เท่ากันหรือขนาดเท่ากัน” หรือ “ISONOMY”ซึ่งหมายถึง “มีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย”เป็นต้น ดังนั้นคำว่า“ ISO” จึงไม่ใช่คำที่ย่อมาจากชื่อเต็มขององค์การ
ก่อนจะพูดถึง มาตรฐาน ISO9001:2008 ที่เป็น versionใหม่ล่าสุดในขณะนี้ ต้องทำความรู้จักกับ มาตรฐาน ISO9001:2000 เสียก่อน
ระบบบริหารงานคุณภาพ มอก.9001:2544 (ISO 9001 : 2000)
ISO 9001 : 2000 เป็นมาตรฐานสากลที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นเลิศทางด้านคุณภาพ และความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานภายในองค์กร
ISO 9001 : 2000 จึงเป็นระบบบริหารงานคุณภาพมาตรฐานสากล แนวคิดสำคัญของ ISO 9001 : 2000 คือ การจัดวางระบบบริหารงาน เพื่อการประกันคุณภาพซึ่งเป็นระบบที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่ากระบวนการต่างๆ ได้รับการควบคุม และสามารถตรวจสอบได้โดยผ่านเอกสารที่ระบุขั้นตอน และวิธีการทำงาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรในองค์กรรู้หน้าที่ความรับผิดชอบและขั้นตอนต่างๆ ในการปฏิบัติงาน โดยต้องมีการฝึกอบรมให้ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานมีการจดบันทึกข้อมูลรวมทั้งการตรวจสอบการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในเอกสารหรือไม่ และมีการแก้ไขข้อผิดพลาดรวมทั้งมีแนวทางในการป้องกันข้อผิดพลาดเดิม
ในปัจจุบันมาตรฐาน ISO 9001 : 2000 จึงกลายเป็นเงื่อนไขหรือข้อกำหนดทางการค้าในการติดต่อธุรกิจระหว่างประเทศรวมทั้งเป็นใบเบิกทางไปสู่การค้าในระดับสากลมาตรฐานที่ใช้ได้กับทุกองค์กร
ISO 9001 : 2000 เน้นบทบาทของผู้บริหารระดับสูงที่จะต้องให้ความสำคัญกับความต้องการ ความคาดหวังของลูกค้า และผู้ที่เกี่ยวข้อง องค์กรทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรมการผลิตหรือภาคบริการทั้งรัฐและเอกชน สามารถนำระบบการบริหารงานคุณภาพ ISO 9001 : 2000 ไปใช้ได้ และไม่มีขีดจำกัดว่าต้องใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่การลงทุนสูงและบุคลากรจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ และบริการให้เทียบเคียงกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงได้
ประโยชน์ที่ได้รับภายในองค์กร
-มีกระบวนการทำงานที่เป็นระบบยิ่งขึ้น
-มีคุณภาพสินค้าที่ดีขึ้น
-ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากของเสียได้อย่างเป็นรูปธรรม
-เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานดีขึ้น
-มีระบบเอกสารที่ดีขึ้น
ประโยชน์ที่ได้รับภายนอกองค์กร
-ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสินค้าและบริการ
-ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศได้ง่าย
-เพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า
-สร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า
-เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
หลักการของการบริหารงานคุณภาพ (Quality Management Principle – QMP) มี 8 ประการ ได้แก่
1. การให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Focus)
2. มีความเป็นผู้นำ (Leadership)
3 .การสร้างแนวทางหรือจัดให้มีบุคลากรในองค์กรส่วนร่วมได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่างๆ (Involvement of People)
4. มีการบริหารเชิงกระบวนการ (Process Approach)
5. มีการบริหารที่เป็นระบบ (System Approach)
6. มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement)
7. มีการตัดสินใจบนพื้นฐานความเป็นจริง (Factual Approach to Decision Making)
8. มีความสัมพันธ์กับผู้ขายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน (Mutually Beneficial Supplier Relationship
ในปัจจุบัน ISO 9001 ฉบับปี 2000 ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นฉบับปี 2008 อย่างเป็นทางการไปแล้ว ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งโถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และไม่มีผลกระทบกับการดำเนินการต่อองค์กรแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันมาตรฐานบางตัวที่ใช้ข้อกำหนดพื้นฐานของข้อกำหนด ISO 9001 ฉบับปี 2000 เป็นตัวตั้งต้น ก็อาจจะมีในส่วนที่จะต้องทำการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงใหม่ตามที่ข้อกำหนด ISO 9001 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน แต่เหตุที่ต้องเปลี่ยนมาเป็น 2008 นั้น มีเหตุผลคือ
1. เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามาตีความกัน เท่าที่รู้มาฉบับนี้จะเพิ่มการอธิบายความหมายใน Note หลายข้อกำหนด
2. ให้มีความสอดคล้องต้องกันกับ ISO 14001:2004 เช่น ในข้อ 6.2.2 จากเดิม “Competence awareness and training” เปลี่ยนให้สอดคล้อเป็น“Competence trainingand awareness”
3. ข้อความไหนอ่านแล้วต้องตีความกันเยอะ ก็เลยร้อยเรียงถ้อยคำมันใหม่ให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ประเด็นการปฏิบัติยังเหมือนเดิม
แนวทางของมาตรฐาน ISO 9001:2008 นั้นยังคงยึดหลักการ Process Approach ซึ่งเน้นการบริหารงานแบบ PDCA (Plan-Do-Check-Action) ในแต่ละกระบวนการ การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ไม่มีการเพิ่ม หรือลดข้อกำหนดแต่อย่างใด การเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่เป็นการเพิ่ม Note เพื่ออธิบายความหมายให้เข้าใจยิ่งขึ้น ลดการตีความหรือถกเถียงกันระหว่างผู้ตรวจประเมินกับผู้ถูกตรวจ มีการเปลี่ยนแปลงคำศัพท์ ให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจะง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจภาษาอังกฤษอย่างลึกซึ้ง ในภาษาแม่มันอาจจะคนละความหมาย แต่ในทางปฏิบัติก็ปฏิบัติเหมือนกัน เช่น การเปลี่ยนคำว่า “identify” เป็น “determine” และอีกประการหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ การเรียงร้อยถ้อยคำใหม่ ตัดข้อความท้ายประโยค มาเป็นต้นประโยค ตัดข้อความต้นประโยคไปไว้ท้ายประโยค อะไรทำนองนี้ สุดท้ายก็ปฏิบัติเหมือนเดิม